ประเภทของชีส 

แค่ชีสเพียงย่างเดียวก็สามารถเป็นได้ทั้งของว่าง อาหารเรียกน้ำย่อย ซุป หรือแม้กระทั่งของหวาน ขนมอบ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปทำเป็นซอส  และอาหารอื่น ๆ อีกมากมายเลยทีเดียว ซึ่งการจะนำไปประกอบอาหารแต่ละชนิดนั้นก็ควรที่จะใช้ชีสประเภทที่เหมาะสมกับความต้องการ การจัดหมวดหมู่ชีสตามปริมาณความชื้นหรือความแน่น ปัจจัยที่ควบคุมความกระด้างของชีสคือปริมาณความชื้น ซึ่งขึ้นอยู่กับแรงดันในการบรรจุลงในแม่พิมพ์และระยะเวลาการบ่ม และนี้คือชีสแต่ละประเภทที่เรานำมาให้คุณทำความรู้จัก

 

  1. ชีสนุ่ม (Soft Cheese)

ชีสบรี (Brie Cheese) เป็นชีสชนิดนิ่มที่บ่มได้ไม่เกินหนึ่งเดือน และเนิฟชาแตล (Neufchâtel Cheese) เป็นชีสที่สามารถขายได้หลังจากบ่มเพียงแค่ 10 วัน เหมาะกับการกินคู่กับขนมปัง ผลไม้อบแห้ง กล้วยหอม หรือถั่ว

 

  1. ชีสกึ่งนุ่ม (Semi-soft cheese)

เนยแข็งกึ่งนิ่มและชีสอารามกลุ่มย่อยมีความชื้นสูง และมีแนวโน้มที่จะมีรสชาติอ่อน ชนิดของชีสที่รู้จักกันดี ได้แก่ ชีสบลู หรือชีสร็อคฟอร์ท (Blue Cheese or Roquefort Cheese) และ Butterkäse เป็นชีสนมวัวกึ่งนุ่มที่ได้ ผลิตในวิสคอนซิน เป็นต้น เหมาะกับการนำไปทำซอส หรือกินคู่กับไวน์หวาน หรือไวน์ที่มีรสชาติหวาน

 

  1. ชีสแข็งปานกลาง (Medium-hard cheese)

ชีสที่มีเนื้อสัมผัสตั้งแต่กึ่งนุ่มไปจนถึงเนื้อแน่น ได้แก่ ชีสสไตล์สวิส เช่น Emmental และ Gruyère ซ฿่งผลิตจากแบคทีเรียชนิดเดียวกับที่ทำให้ชีสชนิดนี้เข้าตายังช่วยให้ชีสมีรสชาติที่หอมและฉุนอีกด้วย ชีสกึ่งนิ่มถึงเนื้อแน่นอื่นๆ ได้แก่ Gouda, Edam, Jarlsberg, Cantal และ Kashkaval/Cașcaval ชีสประเภทนี้เหมาะสำหรับการละลายและมักเสิร์ฟบนขนมปังปิ้งสำหรับอาหารว่างหรืออาหารง่ายๆ

 

  1. ชีสกึ่งแข็ง (Semi-hard cheese)

ชีสที่แข็งกว่าจะมีความชื้นต่ำกว่าชีสที่นิ่มกว่า โดยทั่วไปแล้วพวกมันจะถูกบรรจุลงในแม่พิมพ์ภายใต้ความกดดันที่มากกว่าและบ่มเป็นเวลานานกว่าซอฟต์ชีส ชีสที่จัดอยู่ในประเภทกึ่งแข็งถึงแข็ง ได้แก่ เชดดาร์ที่คุ้นเคย ซึ่งมีต้นกำเนิดในหมู่บ้านเชดดาร์ในอังกฤษ แต่ปัจจุบันใช้เป็นคำทั่วไปสำหรับชีสลักษณะนี้ เชดดาร์เป็นหนึ่งในตระกูลของชีสกึ่งแข็งหรือแข็ง (รวมถึงเชสเชียร์และกลอสเตอร์)

 

  1. ชีสแข็ง (Hard cheese)

ชีสชนิดแข็ง หรือที่เรานำมาชีสขูด ก่อนนำไปประกบอาหารนั้นเอง เช่น Grana Padano, Parmesan หรือ Pecorino—บรรจุค่อนข้างแน่นเป็นก้อนขนาดใหญ่ และมีอายุไขในการเก็บได้นานหลายเดือนหรืออาจเป็นหลายปี เหมาะสำหรับทำซอส ขูดเพื่อโรยบนพิซซ่า พาสต้า สลัด แซนด์วิช กินคู่กับแครกเกอร์ หรือผลไม้แห้ง เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีการแบ่งประเภทของชีสตามความสนใจของผู้บริโภคอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นชีสนมสด (Whole-milk cheese) ชีสไขมันต่ำหรือไขมันต่ำ (Low-fat or reduced-fat cheese) เป็นต้น

 

คุณค่าทางโภชนาการ

ชีสที่ผลิตแบบธรรมชาติ (Natural Cheese) อาทิ เชดดาร์ (Cheddar), แจ็ค (Jack) หรือ มอซซาเรลล่า (Mozzarella) ปริมาณ 1 ออนซ์ ให้แคลเซียมราวร้อยละ 20 ของปริมาณแคลเซียมที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน ผู้ที่ไวต่อแลคโตสหรือแพ้แลคโตสสามารถทานชีสได้ตราบใดที่เลือกทานชีสที่อยู่ในกลุ่มประเภทชีสแข็ง (บ่ม) ที่ผลิตแบบธรรมชาติ (Natural Hard (Aged)) หรือกลุ่มประเภทชีสนุ่มที่ผ่านการบ่มระยะสั้น (Soft-Ripened) จะมีปริมาณแลคโตสน้อยหรือไม่มีเลย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *