ประเภทของชีส
แค่ชีสเพียงย่างเดียวก็สามารถเป็นได้ทั้งของว่าง อาหารเรียกน้ำย่อย ซุป หรือแม้กระทั่งของหวาน ขนมอบ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปทำเป็นซอส และอาหารอื่น ๆ อีกมากมายเลยทีเดียว ซึ่งการจะนำไปประกอบอาหารแต่ละชนิดนั้นก็ควรที่จะใช้ชีสประเภทที่เหมาะสมกับความต้องการ การจัดหมวดหมู่ชีสตามปริมาณความชื้นหรือความแน่น ปัจจัยที่ควบคุมความกระด้างของชีสคือปริมาณความชื้น ซึ่งขึ้นอยู่กับแรงดันในการบรรจุลงในแม่พิมพ์และระยะเวลาการบ่ม และนี้คือชีสแต่ละประเภทที่เรานำมาให้คุณทำความรู้จัก
- ชีสนุ่ม (Soft Cheese)
ชีสบรี (Brie Cheese) เป็นชีสชนิดนิ่มที่บ่มได้ไม่เกินหนึ่งเดือน และเนิฟชาแตล (Neufchâtel Cheese) เป็นชีสที่สามารถขายได้หลังจากบ่มเพียงแค่ 10 วัน เหมาะกับการกินคู่กับขนมปัง ผลไม้อบแห้ง กล้วยหอม หรือถั่ว
- ชีสกึ่งนุ่ม (Semi-soft cheese)
เนยแข็งกึ่งนิ่มและชีสอารามกลุ่มย่อยมีความชื้นสูง และมีแนวโน้มที่จะมีรสชาติอ่อน ชนิดของชีสที่รู้จักกันดี ได้แก่ ชีสบลู หรือชีสร็อคฟอร์ท (Blue Cheese or Roquefort Cheese) และ Butterkäse เป็นชีสนมวัวกึ่งนุ่มที่ได้ ผลิตในวิสคอนซิน เป็นต้น เหมาะกับการนำไปทำซอส หรือกินคู่กับไวน์หวาน หรือไวน์ที่มีรสชาติหวาน
- ชีสแข็งปานกลาง (Medium-hard cheese)
ชีสที่มีเนื้อสัมผัสตั้งแต่กึ่งนุ่มไปจนถึงเนื้อแน่น ได้แก่ ชีสสไตล์สวิส เช่น Emmental และ Gruyère ซ฿่งผลิตจากแบคทีเรียชนิดเดียวกับที่ทำให้ชีสชนิดนี้เข้าตายังช่วยให้ชีสมีรสชาติที่หอมและฉุนอีกด้วย ชีสกึ่งนิ่มถึงเนื้อแน่นอื่นๆ ได้แก่ Gouda, Edam, Jarlsberg, Cantal และ Kashkaval/Cașcaval ชีสประเภทนี้เหมาะสำหรับการละลายและมักเสิร์ฟบนขนมปังปิ้งสำหรับอาหารว่างหรืออาหารง่ายๆ
- ชีสกึ่งแข็ง (Semi-hard cheese)
ชีสที่แข็งกว่าจะมีความชื้นต่ำกว่าชีสที่นิ่มกว่า โดยทั่วไปแล้วพวกมันจะถูกบรรจุลงในแม่พิมพ์ภายใต้ความกดดันที่มากกว่าและบ่มเป็นเวลานานกว่าซอฟต์ชีส ชีสที่จัดอยู่ในประเภทกึ่งแข็งถึงแข็ง ได้แก่ เชดดาร์ที่คุ้นเคย ซึ่งมีต้นกำเนิดในหมู่บ้านเชดดาร์ในอังกฤษ แต่ปัจจุบันใช้เป็นคำทั่วไปสำหรับชีสลักษณะนี้ เชดดาร์เป็นหนึ่งในตระกูลของชีสกึ่งแข็งหรือแข็ง (รวมถึงเชสเชียร์และกลอสเตอร์)
- ชีสแข็ง (Hard cheese)
ชีสชนิดแข็ง หรือที่เรานำมาชีสขูด ก่อนนำไปประกบอาหารนั้นเอง เช่น Grana Padano, Parmesan หรือ Pecorino—บรรจุค่อนข้างแน่นเป็นก้อนขนาดใหญ่ และมีอายุไขในการเก็บได้นานหลายเดือนหรืออาจเป็นหลายปี เหมาะสำหรับทำซอส ขูดเพื่อโรยบนพิซซ่า พาสต้า สลัด แซนด์วิช กินคู่กับแครกเกอร์ หรือผลไม้แห้ง เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการแบ่งประเภทของชีสตามความสนใจของผู้บริโภคอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นชีสนมสด (Whole-milk cheese) ชีสไขมันต่ำหรือไขมันต่ำ (Low-fat or reduced-fat cheese) เป็นต้น
คุณค่าทางโภชนาการ
ชีสที่ผลิตแบบธรรมชาติ (Natural Cheese) อาทิ เชดดาร์ (Cheddar), แจ็ค (Jack) หรือ มอซซาเรลล่า (Mozzarella) ปริมาณ 1 ออนซ์ ให้แคลเซียมราวร้อยละ 20 ของปริมาณแคลเซียมที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน ผู้ที่ไวต่อแลคโตสหรือแพ้แลคโตสสามารถทานชีสได้ตราบใดที่เลือกทานชีสที่อยู่ในกลุ่มประเภทชีสแข็ง (บ่ม) ที่ผลิตแบบธรรมชาติ (Natural Hard (Aged)) หรือกลุ่มประเภทชีสนุ่มที่ผ่านการบ่มระยะสั้น (Soft-Ripened) จะมีปริมาณแลคโตสน้อยหรือไม่มีเลย